Life brought us together 15 years ago and we’ve been on a journey since.
ฝากติดตามการเดินทางของเราสองคนด้วยนะคะ
พอตื่นมาก็ได้เวลาย้ายที่ วันนี้เราจะเดินทางไปลี่เจียง นั่งเครื่องไม่นานจากคุนหมิงก็ถึง เราจะอยู่ที่นี่กัน 2 คืนหลังจากเช็คอินเข้าโรงแรมเสร็จ ก็ได้เวลาเดินดูเมืองเก่า เมืองเก่าที่นี่มีเอกลักษณ์ดีนะคะ แต่คนเยอะไปหน่อย พอเดินไปเรื่อยๆ ก็ได้เวลาหาของกินหละสิ ตามทางก็จะมีร้านค้าต่างๆเยอะแยะ เราแวะกินขนมไปเรื่อย แต่ถ้าใครมีปัญหากับอาหารท้องถิ่น ก็ไปกินไก่ทอด kfc หรือ พิซซ่าที่ pizza hut ได้นะคะ
1 ไฮไลท์ใกล้ๆ ลี่เจียงคือภูเขาหิมะมังกรหยก เราจะไปวัดระดับความอดทนของร่างกายกัน ดูสิว่าจะทนกับระดับ ออกซิเจนที่น้อยลงได้ไหม ก่อนที่จะถึงภูเขาคนขับรถก็พาแวะซื้อกระป๋องออกซิเจนก่อนเลย คงกลัวพวกเราตาย พอไปถึงเราก็แอบตกใจว่ารัฐบาลจีน วางระบบการจัดการทุกอย่างไว้อย่างดีมาก ทั้งรถบัสขึ้น/ลง การต่อคิว แล้วไหนจะห้องน้ำที่สะอาดอย่างผิดคาด ภูเขาหิมะเป็นที่ ที่น่ามาเที่ยวมากค่ะ สวยแล้วก็ไม่ลำบากเลย ผู้ใหญ่ก็เที่ยวได้ แต่ก็ควรเอาออกซิเจนมานะคะ เพราะเห็นบางคนก็เป็นลมตามทาง พวกเราโชคดีค่ะออกซิเจน 2 กระป๋องที่ซื้อมาไม่ได้ใช้เลย เดินแป๊บเดียวก็ถึง 4680 เมตรแล้ว วันนี้เป็นวันดีของพวกเรา โชคดีมากค่ะเจอหนุ่มจีนถ่ายรูปเก่งเดินตามถ่ายรูปให้ตลอดทาง ถ้าไม่ได้เค้าคงไม่มีรูปสวยๆแบบนี้ ขอบคุณนะคะ
ตอนลงจากเขาหิมะมังกรหยกเราได้แวะกันที่ Blue Moon Valley เป็นบ่อน้ำสีฟ้าสวย หลายบ่อเป็นขั้นบันไดตรงเชิงเขา จุดนี้แนะนำมากๆค่ะ สวยมากเลย เสียดายที่วันที่พวกเราไปอากาศไม่ค่อยดีฟ้าไม่ใส แต่น้ำก็ยังสวยนะคะ พวกเราแวะถ่ายรูปอยู่ที่นี่ประมาณชั่วโมงกว่า ที่จริงรถเค้าก็มาส่งถึงเลยนะคะ พวกเราเลือกที่จะเดินจากจุดพักรถที่มีห้องน้ำข้างบนเอง เดินชมวิวกันไปเรื่อยๆ ตามทางถนนเลาะหุบเขา ตอนเริ่มเดินก็ไม่รู้สึกเหนื่อยหรอกค่ะ พอเดินไปสักพักก็หันมาถามกันว่า เราหาเรื่องกันไปหรือเปล่า วันนี้หนักแล้วนะ เดินเยอะมาก แต่ทำยังไงได้ เดินมาแล้วก็ต้องเดินต่อไป
วันนี้จะเดินทางไปเมืองจงเตี้ยนมณฑลยูนนานเพื่อตามหาดินแดนในฝันดุจดังเช่นในหนังสือ Lost Horizon หรือหนัง Shambhala ระหว่างทางก็แวะที่ช่องแคบเสือกระโจนหรือช่องเขาเสือกระโจน จุดที่แคบที่สุดเป็นจุดที่ในตำนานเล่าว่าเสือสามารถกระโจนระหว่าง 2 ฝั่งได้เพราะมีหินก้อนใหญ่อยู่ตรงกลางแม่น้ำ เรามาถึงก็ถ่ายรูปกันแบบงงๆ เสืออยู่ไหนอ่ะ คือตัวเล็กมากค่ะแล้วก็ไปหลบอยู่ตรงที่ถ่ายรูปไม่สะดวก พวกเราเลยอดมีรูปกับเสือเลย ยังไงก็ชมภาพหินกลางแม่น้ำและวิวทิวทัศน์ไปก่อนแล้วกันนะคะ สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ที่จริงสามารถมาเช้าเย็นกลับจากลี่เจียงได้เลยเพราะห่างจากตัวเมืองมาประมาณชั่วโมงเอง แต่เราว่ามันไม่มีอะไรเท่าไหร่ เดินไกลด้วยค่ะ ถ้าไม่ได้จะไปเมืองไหนต่อที่มีช่องแคบนี้เป็นทางผ่าน ก็ไม่ต้องแวะมาก็ได้
ในที่สุดก็ถึงเชียงกรีล่า ที่นี่มีเมืองเก่าที่โบราณกว่าที่ลี่เจียงแต่น่าเสียดายถูกไฟไหม้ไปเมื่อปี 2014 ก็เลยเหลือให้พวกเราเห็นอยู่นิดเดียวเอง เราจะอยู่ที่นี่กัน 3 คืน จะได้มีเวลาเที่ยวรอบๆ เพื่อตามหาซัมบาลา ที่พักของพวกเราตลกมากค่ะ ทำเอาเครียดเลย ตัวห้องนอนก็ยังดีนะคะ กว้างขวางและสะอาด แต่ห้องน้ำนี่สิแปลกมาก ไม่เคยเจอแบบนี้ ที่อาบน้ำ ตัวหัวฝักบัวอะค่ะ อยู่เนื้อโถแบบยองๆ ตอนแรกที่เห็นก็ไปไม่เป็นเลยค่ะ จะอาบกันยังไงเนี่ย แต่พวกเราก็รอดมาได้นะคะ หลังจากทริปนี้เจอห้องน้ำแบบไหนก็เข้าได้แล้วค่ะ เน่าสุดสุดก็เจอมาแล้ว
ในที่สุดก็ถึงดินแดนในฝัน ซัมบาลา ที่ๆคนบอกว่าเป็น Utopia ทุ่งเขียวคะจีอันสมบูรณ์กว้างไกลจนสุดลูกหูลูกตา มีทั้งม้าทั้งแกะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข มองไปไกลๆก็จะเห็นภูเขาสูง เป็นบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกว่าโลกนี้ช่างสวยงามจริงๆ สงบนิ่งไร้ความทุกข์ ดูชาวบ้านที่นี่จะใช้ชีวิตง่ายๆ ไม่ได้ยึดติดกับวัตถุต่างๆอย่างพวกเรา เรานี้ดูแปลกไปเลยค่ะ สังคมก้มหน้าไปไหนก็เล่นแต่โทรศัพท์ ขนาดเดินเล่นอยู่ในทุ่งยังเล่นโทรศัพท์เลย ที่นี่มีร้านขายของชาวบ้านด้วยนะคะ แต่พวกเราไม่ได้ซื้ออะไร ทริปนี้อีกยาวไกลค่ะกระเป๋าเต็มตั้งแต่มาแล้วด้วย เป็นทริปที่ยาวที่สุดที่พวกเราเคยไปด้วยกันเลยค่ะ นี่ก็เพิ่งครึ่งทางของทริปครึ่งเดือนเอง หนทางอีกยาวไกล หลังจากเดินเล่นกันเสร็จก็ได้เวลาอาหารเย็นวันนี้ได้มีโอกาสกินอาหารพื้นเมืองและดูโชว์ด้วยค่ะเพราะทานกันเสร็จก็มีการไปเต้นกันรอบกองไฟสนุกไปอีกแบบนะคะ
ยังไงก็ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ เราเหลืออีก 2 วันในจีนค่ะก่อนที่จะไปทิเบต พรุ่งนี้ก็จะขึ้นไปที่อุทยานเพื่อปรับตัวกับสภาพความสูงและ อากาศอันเบาบางอีกครั้ง กลับไปคราวนี้ฟิตเลยค่ะ
พอตื่นมาก็เตรียมตัวเดินไปวัด Songzanlin กันค่ะ ระยะทางทั้งหมด 10 กม เราก็เดินถ่ายรูปในเมืองเก่าไปเรื่อยแล้วก็แวะทานข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารอินเดียร้านหนึ่ง ร้านน่ารักดีค่ะ เป็นร้านเล็กๆ อาหารอร่อยเลยนะ ที่จริงเมืองนี้ร้านอาหารอร่อยทั้งนั้นเลยนะคะ อาหารฝรั่งแล้วก็อาหารอินเดีย ไม่ต้องทานอาหารจีน หลังจากทานข้าวเสร็จก็เดินต่อ ซื้อของตามทางกว่าจะถึงวัดก็บ่ายแล้วค่ะ เราเดินกันสบายๆ อากาศดี ต้องอย่าลืม เอาเสื้อกันแดดกับหมวกมากันนะ แดดแรงมากถึงอากาศจะเย็น ตัวดำไม่กลัวค่ะ กลัวมะเร็งจะถามหา
วัดนี้ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 3380 เมตร มีทะเลสาบอยู่ข้างหน้า ภูเขาอยู่ข้างหลัง ถูกต้องตามฮวงจุ้ยเลยค่ะ ค่าเข้าที่นี่ถ้าจำไม่ผิดก็ 100RMB พวกเราเลือกที่จะเดินรอบทะเลสาบแทนที่จะตรงเข้าไปในตัววัดเลย บรรยากาศสงบดีค่ะ เดินรอบทะเลสาบก็เจอพระหลายอยู่ ตัววัดเองก็สวยดีค่ะใช้เวลาเดินดูไม่นาน ใช้เวลาถ่ายรูปเล่นตรงทะเลสาบเยอะกว่า เพราะจะเห็นวิววัดด้วย สวยมาก ที่นี่แนะนำมากนะคะ