เที่ยวแคริบเบียน หาด flamingo ที่ Aruba และ เมืองสีๆที่ Curaçao
2 เกาะนี้อยู่ติดๆกัน ที่จริงมี 3 เกาะ เรียกกันว่า ABC islands คือ Aruba, Bonaire, Curacao ทั้งสามเกาะใช้การบินเป็น main transport ตอนแรกคิดว่าน่าจะข้ามเรือกันง่ายๆ ที่ไหนได้ ไม่มีนะ มีแต่ขึ้นเครื่อง วันเลยไม่ลงตัว อดไป Bonaire เลย
ไปยังไง How to get there?
เราเริ่มจากบินเข้า Curacao จาก Colombia (https://atomic-temporary-132955911.wpcomstaging.com/2020/05/13/จากเมืองสีๆแห่ง-cartagena-สู่ป่า/) เครื่องบินตรงของสายการบิน Avianca จากไทยก็น่าจะมาเส้นนี้ได้ สายการบินนี้อยู่ใน Star Alliance หรือจะบินตรงเข้าจากยุโรปก็มีเครื่องนะ เพราะเป็นถิ่นเก่าของ Netherlands ทั้ง Curacao และ Aruba เป็นส่วนหนึ่งของ Dutch Caribbean ที่จริงพวกเกาะส่วนใหญ่ในทะเล caribbean จะมีเครื่องบินตรงมาจากนุโรปและอเมริกา บินง่ายกว่าเข้าจากอเมริกาใต้
นอกจากการบินแล้ว สามารถมากับเรือสำราญก็ได้ เราเห็นมีจอดแทบทุกวันเลย
Curacao
เราเข้าไปถึง Willemstad (เมืองหลวง) ตอนเย็นวันที่ 1 ปีใหม่พอดี ก็ว่าจะไปพักกันชิลๆ หลังจากลุยๆกันในป่าอเมซอนมา วันแรกก็ไม่มีอะไรมาก เข้าที่พักแล้วก็ไปหาข้าวเย็น แนะนำว่าให้จองร้านนะคะ ร้านดังๆมีไม่กี่ร้าน ที่นั่งไม่เยอะ ถ้ามีเรือสำราญ หรือ เรือทหาร มาจอด คือจบเลย คนเยอะมาก ร้านเต็ม พอทานเสร็จเราก็ไปเดินเล่นดูสะพาน Queen Emma Bridge เปิด เก๋ดี ไฟสวยด้วย มองไปเห็นตึกสีๆ ฝั่ง Otrobanda ที่เป็นเมืองเก่า ที่พักเราอยู่ฝั่ง Punda ฝั่งเดียวกับโรงแรมใหญ่ๆ แล้วศูนย์การค้า อย่างของ รร Renaissance
ตัวสะพานนี้มีความน่าสนใจนะคะ เพราะเป็นสะพานลอยน้ำ เหมือนเอาสะพานตั้งอยู่บนเรือ แล้วเปิด/ปิดเป็นแนวนอน ไม่ได้เปิดขึ้น ตอนเปิดคนสามารถนั่งอยู่บนสะพานได้ด้วย แล้วถ้าใครอยากข้ามตอนสะพานเปิด เค้ามีเรือข้ามฝากจัดไว้ให้ เพราะกว่าเรือใหญ่จะผ่านไป นานอยู่เหมือนกัน
วันที่ 2 เราตื่นสายกันสุดๆ คือหมดแรง หมดสภาพก็ว่าได้ แล้วอีกอย่าง Caribbean อากาศร้อนมาก กลางวันออกไม่ไหว รอบ่ายๆ มีลมเย็นค่อยออก วันนี้เรามีเพื่อนชาวเมกันมาหา เค้าจะมาเที่ยวด้วยจนเราบินไปอีกเกาะ นางแบกขนมและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาให้แหละ พอตกเย็นเราเลยขึ้นไปทานอาหารเย็น และดูพระอาทิตย์ตกกันที่ Fort Nassau อาหารเฉยๆ บรรยากาศดี
วันที่ 3 ตื่นมาเดินเที่ยวเล่นในเมืองเก่า เดินดูตึกสีๆ ถ่ายรูปเล่น แล้วก็ไปจัดการเรื่องเช่ารถของวันรุ่งขึ้น บ่ายๆ ก็นอนเล่นริมหาดที่ Renaissance hotel หาดเป็น man-made นะคะ หาดอยู่ฝั่งพระอาทิตย์ตกพอดี นั่งทำงาน ดูวิว จิบ margarita สบายๆ ค่ะ
วันที่ 4 เริ่มกันแต่เช้า (เช้าของเราก็เกือบ 11โมง) รับรถแล้วก็ลุยขับรอบเกาะ เริ่มกันที่หาด Playa Porto Mari บอกเลยว่าชอบที่นี่สุด มันดีมาก น้ำใสอย่างก็สระ คนไม่เยอะมากด้วย เราชอบที่นี่กันมากถึงขั้นขับรถกลับมาดูพระอาทิตย์ตก หาดต่อมาเราไป Kleine Knip อยู่ได้ไม่นานก็หนีร้อน ขับรถไปกินอาหารญี่ปุ่น อร่อยดีนะ อร่อยกว่าร้านอาหารฝรั่งที่เหลือที่ไป หลังจากทานเสร็จก็พักยกที่ รร เย็นๆ ออกไปดูพระอาทิตย์ตก แล้วก็กลับมานั่งดื่มไวน์แดงที่แบกมาจากไร่ที่ Mendoza, Argentina
Aruba
วันที่ 5 บิน 11.30am จาก Curacao ไป Aruba กับสายการบิน Windward ใช้เวลาบินเพียง 20กว่านาที gate to gate 40 นาที เราจะอยู่เกาะนี้กัน 5 คืน เช่า Airbnb 1 ห้องนอนอยู่ไม่ไกลจาก supermarket ข้างๆบ้านมี super จีนด้วยนะ เกาะนี้คนจีนมาเปิดร้านอยู่เยอะ ตอนแรกว่าจะไม่เช่ารถ ขึ้นบัสเอา แต่แค่วันเดียวก็ยอมแพ้แล้ว มีรถสะดวกกว่าเยอะมากๆ
วันที่ 6 เป็นวันที่ต้องจัดการชีวิต ไปซื้ออาหาร รับรถ จองตั๋วเค้า เกาะนก Flamingo เกาะนี้เป็นเกาะส่วนตัวของ รร Renaissance คนที่ไม่ได้พักที่ รร แล้วอยากไป ต้องตื่นมาจองตอน 7 โมงเช้าวันก่อนหน้า ถ้า รร เต็ม 80% ก็จะไม่มีบัตรขายให้คนนอกเข้า เราโชคดี ตื่นมาวันแรกก็ได้เลย ตั๋ว $125 ต่อคน รวมอาหารและเครื่องดื่มอย่างละ 1 หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ ฝนหยุด (ตกหนักมาก) ตอนเย็นก็ไปที่หาด Eagle Beach เดินเล่น อากาศเย็นๆ ฟ้าครึมๆ
วันที่ 7 ได้เวลาขับรถเที่ยวครึ่งเกาะ เราขับไปทางใต้ สุดเกาะเลยมี Baby beach หาดนี้คนไม่เยอะมาก อาจจะเพราะไกล ใครไม่มีรถ ไปลำบาก เราอยู่ถ่ายรูปไม่นาน มันไม่มีที่ให้หลบเลย ฝรั่งชอบแดด เรากลัวแดดเลยหนีกลับมา old town มันจะเป็นแบบ high street ร้านขายของ ร้านอาหาร เราก็ไม่อะไรมาก พุ่งตัวไป shopping ชุดว่ายน้ำ แล้วไหนๆก็มี starbucks ก็ดื่มสักแก้ว ก่อนขึ้นเรือตอน 3pm ไป Renaissance Flamingo island ท่าเรืออยู่ในห้างนั้นแหละ เรือเข้ามารับหน้า Starbucks เลย พนักงานจะขอสแกนตั๋ว แล้วก็ปล่อยขึ้นเรือ นั่งไป 10 นาทีก็ถึงเกาะ
เกาะนี้มี 2 หาด – Flamingo และ Iguana beach ชื่อตามสิ่งมีชีวิตสองอย่างที่อยู่ที่นี่ นกเดินไปเดินมานะคะ มีอยู่ 6 ตัวมั้ง เค้าก็จะมาเดินหาอาหารจากคน ใครจะให้ก็ไปกดตู้ได้ เราไม่ให้นะ คิดว่าไม่ควร feed wild animals เรานอนเล่น ชิลๆ ถ่ายรูปถึงเย็น แล้วก็นั่งเรือรอบสุดท้ายกลับตอน 6.45pm ใครชอบนอนอาบแดด จะมาตั้งแต่เกาะเปิดตอนเช้าเลยก็ได้ สำหรับเรา เกือบ 4ชม บนเกาะก็พอแล้ว ตัวดำ ไข้กินเลยคืนนั้น
วันที่ 8 ในทุกๆวัน เราจะเริ่มกันสายๆ ออกไปกินกาแฟ ก่อนที่จะไปขับรถเล่น วันนี้ขับไปทางเหนือของเกาะ ไปที่ California Lighthouse เป็นประภาคารที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวทางตอนเหนือสุดของเกาะ แถวนั้นก็จะมีหาดเล็ก หาดน้อยให้แวะถ่ายรูป พอเย็นๆหน่อย ก็มาที่ Palm Beach อันนี้จะเป็นหาดหลักของนักท่องเที่ยว มี รร ของเครือใหญ่ๆ เต็มเลย หน้าหาดก็จะมีเก้าอี้วางเต็มไปหมด มีร้านค้า เราว่าอารมณ์พัทยาหน่อยๆนะ ใครจะเล่นกิจกรรม จะออกเรือ ก็จะขึ้นจากหาดนี้
วันที่ 9 Aruba เป็น one happy island จริงๆ ค่ะ ฝนตกนิดๆหน่อย อากาศร้อน/แห้งตลอด ฟ้าใสทุกวันเลย วันสุดท้ายที่เกาะนี้แล้วเราก็ต้องไปโซนที่เหลือ วันนี้จะลุยๆกันหน่อย หลังจากสบายๆ กันมาหลายวันมาก เราขับไป Arikok National Park ที่อุทยานมีที่เที่ยวสองที่คือ Fontein Cave และ Dos Playa ค่าเข้า $11 นะคะ เราอดไป Conchi Natural Pool เพราะต้องใช้รถ 4wd แต่ของเราเป็นรถเล็ก ขนาดเข้าไปที่ Dos Playa ยังจะไม่รอด ขับไปเสียวไป รถต่ำมาก ดีที่ฝนตกหลังจากที่เราออกมาแล้ว ไม่งั้นติดแน่
ก่อนกลับที่พัก เราแวะเที่ยวอีกหนึ่งที่นั่นก็คือ natural bridge หรือสะพานหินนั่นเอง เมื่อก่อนคงเดินบนสะพานได้แหละ แต่ตอนนี้ไม่ได้ถล่มลงไปเยอะแล้ว แตกก็สวยนะ จุดนี้มีห้องน้ำแล้วก็ร้านขายของเล็กๆด้วย ระหว่างทางกลับเราก็แวะซื้อของสักหน่อย ที่เดิมที่ Oranjestad downtown ตรง cruise terminal area ชอบร้านชุดว่ายน้ำที่นี่มาก มันเป็นร้านเดียวกับที่ซื้อที่ Cartagena, Colombia รู้งี้ซื้อที่ Colombia ดีกว่า ราคาถูกกว่าอะ จุดสุดท้ายของทริปนี้คือที่หาด Manchebo Beach อยู่ข้างๆ Eagle Beach วันนี้ก็เหมือนวันแรก ฟ้าไม่เปิด แต่ก็อากาศเย็นๆ ดีนะ จบทริปแบบสบายๆ สวยๆ
วันที่ 10 คืนกุญแจบ้าน แล้วก็ตรงไปคืนรถที่สนามบิน สนามบินดีนะคะ ที่จริงรวมๆทั้งสองเกาะก็เทียบได้กับประเทศที่เจริญแล้ว ค่าครองชีพไม่ถูก ใช้ USD เป็นหลัก สัญญานโทรมีตลอด ดีกว่า wifi อีก เราซื้อซิมที่ใช้ได้ทั้งสองเกาะเลย สะดวกดี อาหารไม่ถูกปากเท่าไหร่ แต่มีครัว ช่วยได้เยอะ อยากกินอะไรก็ทำเอา ประหยัดด้วย
จากสองเกาะนี้เราชอบ Aruba มากกว่า ที่จริงถ้าไม่กลัวเหนื่อยเกินไป น่าไป Bonaire ด้วย แพลนดีๆ อยู่ Curacao 2 คืน Bonaire 3 คืน แล้วก็ Aruba 4 คืน น่าจะกำลังดี
www.traveldouble.co & facebook.com/traveldouble
ไปเที่ยวกับเรา // Other posts on Blue Planet
นอนบนหลังคารถ Namibia: https://atomic-temporary-132955911.wpcomstaging.com/2017/08/02/roadtrip-รอบนามิเบีย-นอน-rooftop-tent/
ขับรถเที่ยว Iceland: https://atomic-temporary-132955911.wpcomstaging.com/product/ขับรถเที่ยว-iceland-ใน-7-วัน-itinerary-thai-ver/
ลุยเดี่ยว Cuba: https://atomic-temporary-132955911.wpcomstaging.com/2018/05/04/solo-travel-in-cuba-แม่-ญ-คนเดียวก็ย้อนเว/
ห้องอาหารใต้น้ำMaldives:https://atomic-temporary-132955911.wpcomstaging.com/2018/02/12/maldives-hurawalhi-resort-5-8-ห้องอาหารใต้น้ำ/
งบน้อย ส่องสัตว์ Kenya: https://atomic-temporary-132955911.wpcomstaging.com/2017/11/12/ลุย-kenya-5-วัน-แบบงบสบายกระเป๋/
ดินแดนหมีขาว Svalbard: https://atomic-temporary-132955911.wpcomstaging.com/2017/09/20/พาตลุยดินแดนหมีขาว-แห่ง/
Tibet: https://atomic-temporary-132955911.wpcomstaging.com/2018/05/11/ตามหาชัมบาลา-shambhala-แต่อยู่ๆ/
Tanzania: https://traveldoubleco.wordpress.com/2019/02/19/zanzibar-serengeti-kilimanjaro/
India: https://atomic-temporary-132955911.wpcomstaging.com/2019/03/24/เป็นเจ้าหญิง-rajasthan/
Road Trip Tasmania: https://atomic-temporary-132955911.wpcomstaging.com/2019/08/08/หนีร้อน-road-trip-in-tasmania-5-วัน-แนะนำที่พ/
Everest Base Camp: https://atomic-temporary-132955911.wpcomstaging.com/2019/08/08/expedition-everest-6-วัน-rapid-ascent-แผ่นดินไหว-ระเบ/
Antarctica: https://atomic-temporary-132955911.wpcomstaging.com/2020/03/26/เพื่อนไม่ไป-ก็ไป-expedition-คนเดี/
Galapagos/Diving with Sharks: https://atomic-temporary-132955911.wpcomstaging.com/2020/04/16/ไปดำน้ำกับฉลามและสิงโต/
Amazon Rainforest/Colombia: https://atomic-temporary-132955911.wpcomstaging.com/2020/05/13/จากเมืองสีๆแห่ง-cartagena-สู่ป่า/
Peru/Machu Picchu: https://atomic-temporary-132955911.wpcomstaging.com/2020/05/13/peru-ฉันมาไกลมากนะเธอ-machu-picchu-in-the-rain/
One Comment